นอนกรนมี 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 ชนิดไม่อันตราย
ส่งผลโยตรงต่อคนที่นอนร่วมห้องเป็นหลัก เป็นการนอนที่ส่งเสียงดังรบกวนคนที่นอนข้างๆ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อปัญหาชีวิตคู่
ประเภทที่ 2 ชนิดอันตราย
เป็นการนอนกรนทีมีภาะหยุดหายหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกลั้น เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณช่วงลำคอผ่อนคลายและตีบแคบในระหว่างที่เรานอนหลับ ทำให้การหายใจแบบปกติเกิดการติดขัด บางครั้งอาจมีการหยุดหายใจ 10 ถึง 20 วินาทีต่อครั้ง และสามารถเกิดขึ้นได้หลายร้อยครั้ง/คืน ซึ่งจะส่งผลให้ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดน้อยลง ซึ่งสมองก็จะได้รับออกซิเจนน้อยลงไปด้วย เมื่อสมองขาดออกซิเจนก็จะต้องคอยปลุกให้ผู้ป่วยตื่นเพื่อเริ่มหายใจใหม่ และเมื่อสมองได้รับออกซิเจนเพียงพอแล้ว ผู้ป่วยก็จะสามารถหลับลึกได้อีกครั้ง แต่ต่อมาการหายใจก็จะเริ่มขัดขึ้นอีก สมองก็ต้องปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นใหม่ วนเวียนเช่นนี้ตลอดคืน เป็นผลให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ไม่เต็มที่
ระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ
– ระดับน้อย (mild) มีค่าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา (AHI) 5 -14 ครั้ง/ชั่วโมง และมีระดับออกซิเจนในเลือดที่ต่ำที่สุดขณะนอนหลับอยู่ในช่วง 86 – 90
– ระดับปานกลาง (moderate) มีค่าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา (AHI) 15 – 29 ครั้ง/ชั่วโมง และมีระดับออกซิเจนในเลือดที่ต่ำที่สุดขณะนอนหลับอยู่ในช่วง 70 – 85
– ระดับรุนแรง (severe) มีค่าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา (AHI) ≥ 30 ครั้ง/ชั่วโมง และมีระดับออกซิเจนในเลือดที่ต่ำที่สุดขณะนอนหลับ ≤ 69
หมายเหตุ: ท่านสามารถตรวจหาระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้จากการตรวจการนอนหลับ (sleep test)
ผลกระทบของโรคนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สามารถแบ่งได้เป็น
ระยะสั้น
– ออกซิเจนในเลือดต่ำ
– ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
– ความจำไม่ดี สมาธิสั้น
– หงุดหงิดง่าย
– อุบัติเหตุรถยนต์เนื่องจากความง่วง หลับใน
– อ่อนเพลีย อาการซึมเศร้า
– สมรรถภาพทางเพศลดลง
– นอนไม่หลับ
– ปัญหาชีวิตครอบครัว
ระยะยาว
ร่างกายต้องการออกซิเจนทุกวินาที แต่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะส่งผลให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายน้อยลง ซึ่งจะส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดโรคเหล่านี้มากกว่าคนปกติ 3 เท่า
– โรคความดันโลหิตสูง
– โรคหัวใจ
– โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต
– โรคซึมเศร้า
– โรคเบาหวาน